คนไทยทุกคนคุ้นเคยกับกลิ่นหอมของข้าวเป้นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นข้าวสวยหรือข้าวเหนียว โดยข้าวนั้นทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารหลักให้กับประชากรกว่าครึ่งของโลกใบนี้เลยทีเดียว ทั่วโลกมีข้าวหลากหลายสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไปลักษณะภูมิประเทศของแถบนั้นๆ ผู้ในแต่ละที่ทั่วโลกก็ล้วนมีวิธีการนำข้าวมาประกอบอาหารที่แตกต่างกันไป
หากจะดูกันตามสายพันธุ์ทางชีววิทยาแล้วละก็ข้าวถือว่ามีสายพันธุ์เดียวกับเหล่าพืชจำพวกหญ้าที่มีเมล็ดพวกหนึ่ง ซึ่งข้าวนี้เดิมทีก็เป็นพืชพื้นเมืองที่เติบโตอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติโดยข้าวนั้นสามารถขึ้นได้ในแถบทุกพื้นที่ในโลก
แต่เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคเกษตรกรรมก็ได้มีการนำข้าวมาปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วไปอีกทั้งยังได้มีการพัฒนาปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์กันมาอย่างยาวนานซึ่งในปัจจุบันปริมาณข้าวกว่า 90% ถูกใช้อยู่ในเอเชีย
ในทางเกษตรกรรมจะทำการแบ่งประเภทของข้าวกันตามลักษณะความสั้นยาวของเมล็ด และสีของเมล็ด ความมยาวของเมล็ดข้าวมีอยู่ด้วยกัน 3 ระดับคือ เมล็ดสั้น กลาง แและ ยาว ส่วนสีสันของเมล็ดข้าวนั้นมีอยู่หลากหลายเช่น ขาวใส ขาวครีม น้ำตาล แดง และ ดำเป็นต้น
โดยข้าวที่เป็นที่รู้จักันในแวดวงนักปรุงน้ำหอมนั้นมีอยู่หลากหลายพันธุ์โดยที่ข้าวหอมมะลิของไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากลักษณะของเมล็ดที่ยาวเรียวและกลิ่นตามธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่หาได้ในเมืองไทยเท่านั้น
จึงทำให้ที่ผ่านมาได้มีการนำข้าวหอมมะลิไทยทั้งแบบเมล็ดสีขาวและแบบเมล็ดสีดำไปผ่านการทดลองสกัดกลิ่นเพื่อนำมาทำเป็นน้ำหอมกันอย่างต่อเนื่อง
ส่วนข้าวอีกพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมนั้นก็คือข้าวพันธุ์ บาสมาติ (Basmati Rice) ซึ่งเป็นข้าวที่มีกลิ่นหอมเป็นพันธุ์ข้าวที่บริโภคกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศอินเดียและปากีสถาน
กลิ่นหอมของข้าวนั้นมาจากสารประกอบเคมีจำพวก อะซิทิล (Acetyl) และ ไพโรลีน (Pyrroline) ซึ่งเป็นสารประกอบให้กลิ่นพื้นฐานที่มีอยู่ในข้าวทุกชนิดแต่มีสัดส่วนที่แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของข้าว
จึงทำให้ที่ผ่านมาได้มีการนำข้าวหอมมะลิไทยทั้งแบบเมล็ดสีขาวและแบบเมล็ดสีดำไปผ่านการทดลองสกัดกลิ่นเพื่อนำมาทำเป็นน้ำหอมกันอย่างต่อเนื่อง
ส่วนข้าวอีกพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมนั้นก็คือข้าวพันธุ์ บาสมาติ (Basmati Rice) ซึ่งเป็นข้าวที่มีกลิ่นหอมเป็นพันธุ์ข้าวที่บริโภคกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศอินเดียและปากีสถาน
กลิ่นหอมของข้าวนั้นมาจากสารประกอบเคมีจำพวก อะซิทิล (Acetyl) และ ไพโรลีน (Pyrroline) ซึ่งเป็นสารประกอบให้กลิ่นพื้นฐานที่มีอยู่ในข้าวทุกชนิดแต่มีสัดส่วนที่แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของข้าว
กลิ่นของข้าวที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมน้ำหอมปัจจุบันนี้เกือบทั้งหมดเป็นกลิ่นที่ได้จากการสังเคราะห์ แม้ในปัจจุบันกลิ่นของข้าวจะยังไม่ได้รับนิยมในการนำมาปรุงเป็นน้ำหอมมากนักเมื่อเทียบกับกลิ่นประเภทอื่นๆแต่เราก็สามารถพบการนำกลิ่นของข้าวมาสร้างสรรเป็นน้ำหอมได้ทั่วไปเช่น ในน้ำหอมของ Kenzo Amour, Calé Fragranze d’Autore Dolce Riso และ Ego Facto Poopoo Pidoo
ข้าวนอกจากอร่อยแล้วกลิ่นก็ยังหอมเป็นแบบฉบับเฉพาะอีกด้วย กลิ่นหอมของข้าวนั้นแม้ไม่รุนแรงแบบดอกไม้หอมอื่นๆแต่ก็มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร หากนำมาใช้สร้างกลิ่นก็สามารถให้กลิ่นที่แปลกใหม่ขึ้นมาได้อย่างไม่จำกัดเช่นกัน
ข้าวนอกจากอร่อยแล้วกลิ่นก็ยังหอมเป็นแบบฉบับเฉพาะอีกด้วย กลิ่นหอมของข้าวนั้นแม้ไม่รุนแรงแบบดอกไม้หอมอื่นๆแต่ก็มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร หากนำมาใช้สร้างกลิ่นก็สามารถให้กลิ่นที่แปลกใหม่ขึ้นมาได้อย่างไม่จำกัดเช่นกัน
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
http://www.ohperfume.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น